Control Chart คืออะไร? ความสำคัญ, ประวัติ และการใช้งานในอุตสาหกรรม

Control Chart คืออะไร? ความสำคัญและการใช้งานในอุตสาหกรรม

Control Chart คืออะไร? ความสำคัญ, ประวัติ และการใช้งานในอุตสาหกรรม

Control Chart หรือแผนภูมิควบคุม เป็นเครื่องมือสำคัญในด้านการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) ที่ช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบความสม่ำเสมอของกระบวนการผลิต โดยใช้กราฟในการตรวจจับค่าความแปรปรวนที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากสาเหตุปกติ (Common Cause) และสาเหตุพิเศษ (Special Cause) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงและควบคุมกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประวัติความเป็นมาของ Control Chart

Control Chart ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย Dr. Walter A. Shewhart ในปี 1924 ขณะที่เขาทำงานที่ Bell Telephone Laboratories แนวคิดของเขามุ่งเน้นการวิเคราะห์กระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสีย นับแต่นั้นเป็นต้นมา Control Chart ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในระบบบริหารคุณภาพ เช่น Total Quality Management (TQM) และ Six Sigma

control chart image

Nelson Rules ที่ใช้กับ Control Chart

Nelson Rules คือชุดของกฎที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการตีความข้อมูลบน Control Chart เพื่อระบุสัญญาณผิดปกติของกระบวนการ ตัวอย่างของ Nelson Rules ได้แก่:

  1. Rule 1: ค่าจุดใดจุดหนึ่งอยู่นอกเส้นควบคุม (Upper หรือ Lower Control Limit)
  2. Rule 2: จุด 9 จุดต่อเนื่องอยู่ด้านเดียวของเส้นค่าเฉลี่ย (Mean Line)
  3. Rule 3: จุด 6 จุดต่อเนื่องเพิ่มขึ้นหรือลดลง (Trend)

การใช้ Nelson Rules ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถระบุปัญหาในกระบวนการได้แม้ปัญหานั้นจะยังไม่ชัดเจน

Run Rules ทั้ง 8 ชนิด ที่ใช้ใน Control Chart

Run Rules หรือกฎการตรวจจับรูปแบบของข้อมูลบน Control Chart ถูกนำมาใช้เพื่อระบุความผิดปกติในกระบวนการ โดย Run Rules ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ Nelson Rules ซึ่งประกอบด้วย 8 กฎดังนี้

Rule 1 : ค่าจุดใดจุดหนึ่งอยู่นอกเส้นควบคุม

Control Chart - Run rule 1
  • หมายถึงค่าจุดใดที่อยู่เหนือเส้น Upper Control Limit (UCL) หรือใต้เส้น Lower Control Limit (LCL)
  • สัญญาณของ Run Rule 1 : มีปัญหาที่เกิดจากสาเหตุพิเศษ (Special Cause)

Rule 2 : 9 จุดต่อเนื่องอยู่ด้านเดียวของเส้นค่าเฉลี่ย (Mean Line)

Control Chart - Run rule 1
  • หมายถึงจุดทั้งหมดอยู่เหนือหรือใต้เส้น Mean ติดต่อกัน
  • สัญญาณของ Run Rule 2 : กระบวนการมีการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

Rule 3 : 6 จุดต่อเนื่องมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลง (Trend)

Control Chart - Run rule 3
  • หมายถึงจุดเรียงตัวในลักษณะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • สัญญาณของ Run Rule 3 :  มีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการหรือมีแนวโน้มผิดปกติ

Rule 4 : 14 จุดสลับขึ้นลงต่อเนื่อง

Control Chart - Run rule 4
  • หมายถึงจุดเรียงตัวในลักษณะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • สัญญาณของ Run Rule 4 : มีการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการหรือมีแนวโน้มผิดปกติ

Rule 5 : 2 ใน 3 จุดติดต่อกันอยู่ในเขตที่ 3 ใกล้เส้นควบคุม (Zone A)

Control Chart - Run rule 5
  • หมายถึงจุด 2 ใน 3 จุดล่าสุดอยู่ใกล้ UCL หรือ LCL
  • สัญญาณของ Run Rule 5 : มีความแปรปรวนที่อาจเป็นอันตราย

Rule 6: 4 ใน 5 จุดติดต่อกันอยู่ในเขตที่ 2 หรือเขตที่ 3 (Zone B หรือ A)

Control Chart - Run rule 6
  • หมายถึงจุด 4 ใน 5 จุดล่าสุดอยู่ในเขตที่ใกล้เส้นควบคุมมากกว่าปกติ
  • สัญญาณของ Run Rule 6 : กระบวนการอาจกำลังเกิดความผิดปกติ

Rule 7 : 15 จุดต่อเนื่องอยู่ในเขตที่ 1 (Zone C) ใกล้เส้นค่าเฉลี่ย

Control Chart - Run rule 7
  • หมายถึงจุดทั้งหมดอยู่ใกล้เส้น Mean มากเกินไป
  • สัญญาณของ Run Rule 7 : ความแปรปรวนลดลงผิดปกติหรืออาจมีข้อผิดพลาดในกระบวนการตรวจวัด

Rule 8: 8 จุดติดต่อกันอยู่ทั้งสองเขตด้านนอก (Zone B หรือ A)

Control Chart - Run rule 8
  • หมายถึงจุดกระจายตัวมากและไม่อยู่ในเขตใกล้ Mean
  • สัญญาณของ Run Rule 8 : กระบวนการมีความแปรปรวนสูงกว่าที่ควร

การนำ Run Rules Control Chart ไปใช้

Run Rules ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถระบุและแก้ไขปัญหาในกระบวนการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้กฎเหล่านี้ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมคุณภาพของกระบวนการผลิตหรือการทำงานในห้องปฏิบัติการได้เป็นอย่างดี

หากคุณต้องการใช้ Run Rules อย่างมีประสิทธิภาพ คุณอาจใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ เช่น MinitabJMP, หรือ SPC Software เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอย่างอัตโนมัติและเชื่อมโยงกับระบบควบคุมคุณภาพในองค์กร.

control chart quality control

การประยุกต์ใช้ Control Chart ในอุตสาหกรรมและห้องปฏิบัติการ

อุตสาหกรรมการผลิต

  • ตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น ขนาด น้ำหนัก หรือปริมาณ
  • ควบคุมกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ เพื่อลดความสูญเสีย
  1. ห้องปฏิบัติการ
    • ควบคุมความแม่นยำในการวิเคราะห์ทางเคมีหรือชีววิทยา
    • ตรวจสอบความเสถียรของอุปกรณ์และเครื่องมือ
  2. อุตสาหกรรมการบริการ
    • ใช้ในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ เช่น การตอบสนองลูกค้าหรือเวลาการดำเนินงาน

Control Chart ในยุคดิจิทัล

ในปัจจุบัน Control Chart ได้รับการพัฒนาด้วยซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย เช่น Minitab หรือ Excel ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูล และยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ IoT เพื่อรับข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคอุตสาหกรรม 4.0

การใช้ Control Chart อย่างมีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการและลดต้นทุน หากนำไปปรับใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จในด้านคุณภาพได้อย่างยั่งยืน

Share:

บทความแนะนำที่คุณอาจสนใจ

Post Views: 25